IPv4 คือ หมายเลข IP address มีขนาด 32 บิท IPv4 ย่อมาจาก "Internet Protocol Version 4 ถูกแบ่งออกเป็น 4 ชุดด้วยเครื่องหมายจุด โดยแต่ละชุดมีขนาด 8 บิท
ไอพี เวอร์ชั่น 4 ระบบไอพีที่ใช้ในปัจจุบัน
คือ IPV4 ซึ่งจะเป็นระบบ 32 บิต
หรือสามารถระบุเลขไอพีได้ตั้ง 0.0.0.0 ถึง 255.255.255.255 ตัวเลขบางตัวเป็นไอพีสงวนไว้สำหรับหน้าที่เฉพาะเช่น
127.0.0.0 จะเป็นการระบุถึงตัวอุปกรณ์เองไม่ว่าอุปกรณ์นั้นจะมีไอพีสื่อสารจริงๆ
เป็นเท่าไร
อย่างไรก็ตามจากตัวเลขระบบที่จำกัดนี้สามารถเพิ่มขยายด้วยเทคนิคของไอพีส่วนตัว
กับการแปลงไอพี NAT 684
IPV6
IPv6 คือความยาวของ IP address เปลี่ยนจาก 32 เป็น 128 บิท IPv6 ย่อมาจาก "Internet Protocol Version 6
Internet
Protocol version 6 (IPv6) บางครั้งเรียกว่า Next Generation Internet
Protocol หรือ IPng
ถูกออกแบบมาให้ทำงานได้ดีในเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสูง (เช่น Gigabit
Ethernet, OC-12,ATM)
และในขณะเดียวกันก็ยังสามารถทำงานในเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพต่ำได้ (เช่น
Wireless Network)
นอกจากนี้ยังได้มีการจัดเตรียมแพลตฟอร์มสำหรับฟังก์ชันใหม่ๆ
ของอินเตอร์เน็ตซึ่งเป็นที่ต้องการใช้ในอนาคต ความแตกต่างระหว่าง IPv6 และ
IPv4 มีอยู่ 5 ส่วนใหญ่ๆ คือ ไอพีแอดเดรส (IP address) และการเลือกเส้นทาง
(Addressing & Routing) ความปลอดภัย อุปกรณ์แปลแอดเดรส (Network
Address Translator : NAT) การลดภาระในการจัดการของผู้ดูแลระบบ
และการรองรับการใช้งานในอุปกรณ์พกพา (Mobile Devices)
ความแตกต่างของ IPv4 และ IPv6
การกำหนดหมายเลขของ IPv4 จะกำหนดได้น้อยกว่า IPv6 สามารถกำหนดไอพีแอดเดรส มีมากถึง 296 เท่า และความแตกต่างระหว่าง IPv6 และ IPv4 คือ การเลือกเส้นทาง ( Routing) ความปลอดภัย อุปกรณ์แปลแอดเดรส (Networl Address Translator : NAT) การลดภาระในการจัดการของผู้ดูแลระบบ และการรองรับการใช้งานในอุปกรณ์พกพา (Mobile Devices)
การกำหนดหมายเลขของ IPv4 จะกำหนดได้น้อยกว่า IPv6 สามารถกำหนดไอพีแอดเดรส มีมากถึง 296 เท่า และความแตกต่างระหว่าง IPv6 และ IPv4 คือ การเลือกเส้นทาง ( Routing) ความปลอดภัย อุปกรณ์แปลแอดเดรส (Networl Address Translator : NAT) การลดภาระในการจัดการของผู้ดูแลระบบ และการรองรับการใช้งานในอุปกรณ์พกพา (Mobile Devices)
สรุป
ความไม่พอเพียงของ IPv4 ที่กำลังจะหมดไป
และคุณสมบัติที่เหนือกว่าอย่างมากของ IPv6
ไม่ช้าก็เร็วทุกภาคทุกหน่วยงานจำเป็นต้องนำ IPv6 มาใช้อย่างเลี่ยงไม่ได้
และต้องมีการปรับเปลี่ยนระบบโครงข่ายให้รองรับกับการใช้งาน IPv6
เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของผู้บริโภคในการใช้งานอิน
เทอร์เน็ตและการใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ
ดังนั้นผู้ให้บริการเหล่านี้ควรมีการศึกษาวางแผนเตรียมพร้อมล่วงหน้า
เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในการนำ IPv6 มาใช้ในอนาคต
โดยผู้ให้บริการควรสำรวจอุปกรณ์เครือข่ายที่สามารถรองรับกับ IPv6
และวางแผนเตรียมพร้อมในการปรับปรุงโครงข่ายของตน ในส่วนของผู้พัฒนา product
และแอพพลิเคชั่นก็สามารถที่จะสร้างโอกาสทางธุรกิจได้
โดยศึกษาความต้องการของตลาด เพื่อคิดค้นออกแบบพัฒนา product
หรือแอพพลิเคชั่นที่รองรับกับ IPv6
ซึ่งเหล่านี้ควรมีการเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้า เพราะเมื่อถึงเวลาที่ IPv4
หมดลงจริงๆ ผู้ที่พร้อมมากกว่าจะเป็นผู้ได้เปรียบ
นอกจากนี้ความเร็วในการเข้ามาและการเตรียมความพร้อมที่ดีจะเป็นการเพิ่ม
โอกาสทางการแข่งขันทางธุรกิจอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น